2790 จำนวนผู้เข้าชม |
7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อเครื่องขัดสีรถ [EP.2] เครื่องขัดสีรถรุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี
1. การเลือก design ขนาด รูปทรงของเครื่องขัด แนะนำให้เลือกที่เราชอบ เราจับถนัดมือ ซึ่งเครื่องขัดแต่ละรุ่น ก็จะมีความแตกต่างกันไป เช่นเครื่องขัดบางรุ่นวัสดุภายนอกเป็นพลาสติก ABS ทั้งหมด แต่ในบางรุ่นก็จะมีส่วนประกอบที่เป็นยางกันลื่นผสมอยู่ด้วย ทำให้เวลาจับสามารถจับได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น รวมถึงเครื่องขัดบางรุ่นตัวเครื่องมีลัษณะสั้น บางรุ่นตัวเครื่องมีลักษณะยาวคล้ายแมงปอ ซึ่งไม่มีอันไหนดีกว่า หรือแย่กว่าครับ อันนี้แล้วแต่ความชอบและความถนัดของแต่ละบุคคล
2. น้ำหนักของเครื่องขัดสีรถ เครื่องขัดสีรถในสมัยก่อนนั้นมีนำ้หนัก 3-4 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนัก ทำให้ผู้ขัดเกิดอาการเมื่อยล้าได้ง่าย ต่อมาเทคโลยีในการผลิตเปลี่ยนไป สามารถลดน้ำหนักของเครื่องลงมาเหลือเพียง 2 กิโลกรัม ทำให้ช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้อย่างดี ช่วยให้ผู้ทำงานสามารถขัดใช้งานได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น
3. การเลือกแป้นขัดสีรถ เครื่องแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ก็จะมีเทคโนโลยีในการผลิตแป้นขัดที่แตกต่างกันไป บางรุ่นเป็นพลาสติก บางรุ่นผลิตจากยูรีเทน สำหรับแป้นขัดที่ผลิตจากยูรีเทน ก็จะมีความยืนหยุ่น ทนทานมากกว่า สามารถบิดงอได้ไม่เสียรูป สามารถโค้งงอไปตามลักษณะพื้นที่ที่เราขัดได้ นอกจากนี้สำหรับแป้นขัดรุ่นใหม่ๆ ก็มีรูระบายความร้อนเวลาสัมผัสกับสีรถก็จะช่วยลดความร้อนของหน้าสัมผัสฟองน้ำและแป้นขัด ทำให้แป้นขัดมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น ดังนั้นก่อนซื้อแนะนำให้ลูกค้าดูรายละเอียดเรื่องของแป้นขัดด้วยครับ
4. ณ ปัจจุบันเครื่องขัดสีรถ มีเทคโนโลยี และฟังก์ชั่นใหม่ๆที่ติดมากับตัวเครื่อง ที่จะช่วยให้งานขัดง่าย สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ เช่น ฟังชั่น Soft Start ที่จะช่วยลดการสะบัดของเครื่องเวลาเปิดใช้งาน ระบบควบคุมควบเร็วรอบให้คงที่ รอบไม่ตก หรือเรียกว่า Speed Stabilization. ระบบ Cooling System ที่ช่วยระบายความร้อนออกจากตัวเครื่องได้รวดเร็ว ทำให้เครื่องไม่ร้อน รองรับการใช้งานหนัก สามารถขัดต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน และสำหรับเครื่องขัดระบบ DA ณ ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีเรียบกว่า ลูกตุ้ม CNC Component ช่วยให้เครื่องมีความนิ่ง เสถียร เวลาขัดไม่สะท้านมือ ซึ่งฟังกั่นต่างๆเหล่านี้ แนะนำให้ลูกค้าเข้าไปทดลองว่ามีอยู่จริงตามที่ผู้ขายระบุอยู่หรือไม่ รวมถึงสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทฑิภาพจริงตามที่ระบุไว้
5. การเลือกความยาวสายไฟ เครื่องขัดในสมัยก่อนๆความยาวสายไฟจะอยู่ที่ 2-3 เมตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เกิดปัญหาสายไฟสั้นเกินไป ในปัจจุบันเครื่องขัดหลายๆรุ่นจึงมีการอัฟเกรดสายไฟให้ยาวขึ้นเป็น 5 เมตร รวมถึงเรื่องของเทคโนโลยีในสารผลิตหัวปลั๊กไฟ แนะนำเป็นแบบ VDE ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตจากยุโรปที่ทั่วโลกยอมรับว่าปลอดภัย
6. มอเตอร์ และระบบเฟือง มีส่วนสำคัญมากสำหรับท่านที่เป็นคาร์แคร์เนื่องจากมีการใช้งานหนัก ขัดต่อเนื่องทั้งวันและทุกวัน อาจทำให้เกิดมอเตอร์ไหม้ และระบบเฟืองกุดหรือเสื่อมได้ง่าย ดังนั้นควรเลือกเครื่องขัดที่มีมอเตอร์และระบบเฟืองที่มีความแข็งแกร่งทนทาน ผลิตมาเพื่อรองรับการใช้งานหนัก
7. การรับประกัน และบริการหลังการขาย ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากหลายๆท่านเป็นลูกค้าคาร์แคร์ มีการใช้งานหนัก เมื่อใช้งานไปเป็นระยะเวลานานหลายปี อะไหล่ย่อมมีการเสื่อมได้ หรือเครื่องอาจเกิดอุบัติเหตุชำรุด เราสามารถที่จะหาช่างผู้ชำนาญการใช่การซ่อมบำรุง รวมถึงอะไหล่ เพื่อที่จะซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม ทั้งหมดนี้ก็เป็นหัวข้อที่แนะนำใ้หทุกๆท่านสังเกตก่อนการตัดใจซื้อเครื่องขัดสีรถ และให้ดีที่สุด แนะนำให้ทุกท่านเข้าไปทดลองใช้งานด้วยตัวเองเพื่อให้ได้เครื่องขัดสีรถที่ถูกใจ และจะทำให้งานขัดเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ มีความสนุก ความสุขในการขัดเคลือบสีรถ สำหรับในคลิปหน้า จะแนะนำความแตกต่างระหว่างระบบ DA แบบ force rotation DA กับ แบบ non force rotation DA ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ระบบไหนใช้งานง่ายและปลอดภัยกว่า ติดตามชมกันในคลิปหน้าได้เลยครับ สำหรับหน่วยวัดความเร็วรอบเครื่องขัดระบบโรตารีจะเรียกว่า RMP หรือว่า Round per minute ความเร็วรอบทั่วไปอยู่ที่ 700-2500 รอบ สำหรับหน่วนวัดความเร็วรอบเครื่องขัดสีรถระบบ DA หรือข้อเหวี่ยงจะเรียกว่า OPM Oscillation per minute ความเร็วทั่วไปอยู่ที่ 2000-6500 ขึ้นอยู่กับระยะเหวี่ยงด้วย